









เราไปช่วงวันที่ 14-22 พฤษภาคม ถึงจะ no plan แต่ก่อนไปก็หาข้อมูลสภาพอากาศนิดนึง ชีบอกว่าเดือนพฤษภาเป็นฤดูใบไม้ผลิ ดอกม้งดอกไม้บานสะพรั่งอากาศไม่หนาวมากมีแดด ประมาณ 7-20 องศา ว้าวเลยเพราะเป็นคนขี้หนาว อากาศแบบนี้สิเดินเล่นชิลๆ แล้วก็จะเป็นช่วงที่มืดช้า พระอาทิตย์ตก 3 ทุ่ม มีเวลาเที่ยวแบบฉ่ำ แต่ปรากฎว่าไปถึงฝนตกค่าาา ตกตลอดเลยไป 9 วัน ตกไปแล้ว 7 วัน 🤣
ก่อนเดินทางก็จะมีจองที่พักไว้คืนแรก คืนเดียวเลย เพราะไม่มีแพลนจริงๆ ค่อยไปหาเอาข้างหน้า55555
DAY 1📍: ถึงสนามบินซูริค เวลาประมาณบ่ายโมงบ้านเค้า เข้าที่พัก กินอาหารนิดหน่อยเติมพลัง ก็ลุยฝนไปเลย ด้วยการเดินทางแสนสะดวก มีทั้ง tram bus และ รถไฟ ก็ไปเดินเล่นแถวในเมืองซูริค
DAY 2📍: ย้ายที่พักแต่ก็ระแวกๆ เดียวกะคืนแรก ยังไม่ถึงเวลา check in ก็ฝากกระเป๋าเค้าไว้ ละไปเที่ยวก่อน โชคดีฝนหยุดแล้ว ก็ไปแถวๆ ในเมืองเหมือนเดิม เดินเล่นย่านช้อปปิ้ง พอถึงเวลา check in ได้ก็กลับมา check in ที่พักนี้เราพัก 2 คืน เสร็จแล้วก็นั่งรถไฟไปเมือง Bern ฝนตกอีกแล้ววว ฟ้าไม่สดใสเลย แต่เมืองสวยมาก น้ำเป็นสีฟ้า ขึ้นไปดูวิวบน Rosengarten มองลงมาเห็นเมือง Bern เดินเล่นถึงเย็นก็นั่งรถไฟกลับที่พัก
DAY 3📍: วันนี้ตื่นเช้าชิลๆ ไป Coop ก็คือซูเปอร์แบบบ้านเรา ซื้อของมาทำกินเอง ในตกอีกเช่นเคย แต่ก็ไม่ยอมแพ้ค่ะมาทั้งทีจะมานอนเซ็งอยู่ห้องก็ไม่ใช่55555 ก็ไปเลยค่ะขึ้นเขาเบาๆ Uetliberg Top of Zurich แต่ๆ พอไปถึงตกหนักมากเดินไม่ได้ นั่งรถไฟกลับค่ะ เลยเปลี่ยนไป น้ำตก Rheinfall ฝนหยุดแล้วแต่ฟ้าก็คือมัวมาก ถ่ายรูปไม่สวยเลยยย เสร็จแล้วก็ยังไม่ยอมแพ้ กลับไป Uetliberg อีก555555 ขึ้นไปแล้วก็สวยมาก เห็นเมือง Zurich ทั้งเมืองเลย
DAY 4📍: วันนี้เปลี่ยนที่พักอีกแล้วว ปัญหาของการเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยคือกระเป๋าหนักค่ะ วันนี้ไปพักที่ Luzern เดินเล่นที่ Chapel bridge ลองเข้าร้านอาหารเป็นครั้งแรก อาหารแพงมากกก คลับแซนวิชจานละพัน กลับไปพึ่ง Coop เหมือนเดิม5555 พอดีมีคนรู้จักอยู่ Luzern ชีพาไปนอกๆเมือง ไปเดิน hiking แบบเบาๆ วิวสวยมากกกก ถึงแม้ฟ้าจะหม่นๆ🥺
DAY 5-6📍: คนรู้จักชีเห็นว่าสวิสฝนตกตลอดเลย เลยพา Road trip ไปอิตาลีหนีฝนดีกว่า อะก็ไป โดยเราเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่สถานี แล้วใช้ใบเล็กใส่ของที่จำเป็นไปแทนจะได้ไม่ต้องขนเยอะ ก็ไปแถบตะเข็บชายแดนสวิส-อิตาลี วันนี้ฟ้าเปิดเป็นครั้งแรกตั้งแต่มา55555 วิวระหว่างทางสวยมาก เราก็แวะข้างทางบ้าง มีเขา มีหิมะด้วย ถึงอิตาลีช่วงเกือบเย็นแล้ว ก็เดือนเล่นเมืองที่ไปพักชื่อว่า Santa maria maggiore ก็เงียบๆ เป็นเมืองเก่าๆ อีกวันเราไป Cannobio กับ Verbania เป็นเมืองริมทะเลสาบ หนีฝนมาแต่ก็มิวายเจอฝนที่อิตาลีอีก🤣 ของและอาหารที่อิตาลีถูกกว่าที่สวิสมาก เราพักที่อิตาลีอีกคืนแถวๆ ที่เดิม
DAY 7📍: กลับมาจากอิตาลี เราจองที่พักไว้ที่ Zurich ก่อนกลับมา Zurich เห็นว่า Luzern ใกล้เขา Rigi ก็เลยไปซะหน่อย โดย Swiss travel pass ที่ซื้อมาจะขึ้นเขาได้ฟรีประมาณ 3 เขา โดยรถไฟขึ้น Rigi จะเป็นเหมือนรถรางช้าๆ ก็เพลินๆดี ขึ้นไปถึงสถานีสุดท้าย ลงถ่ายรูปรัวๆ ก็กลับเลย มาเชคอินที่พัก
DAY 8📍: วันนี้อากาศสดใส ฝนไม่ตก ฟ้าใสสุด ก็เลยต้องขึ้นเขาอีกแล้ว โดยวันนี้เราตัดสินใจไป Interlaken Ost ไปต่อ Lauterbrunnen และ Grindelwale ทั้งวัน แดดฉ่ำๆ เริ่มจะร้อน55555 ถ่ายรูปสวยมากกก ฟ้าใสสุด
DAY 9📍: วันสุดท้ายแล้ว เรา check out แต่ฝากกระเป๋าไว้ แล้วมาเดินในเมืองเพื่อช้อปปิ้งและซื้อของฝากก่อนกลับ จากนั้นก็กลับมาเอากระเป๋าที่ที่พัก ข้อดีที่พักที่นี่คือใกล้สนามบิน เราก็ซื้ออะไรมานั่งกิน จัดของในกระเป๋า ชาร์จแบต เตรียมตัวเพื่อไปเชคอินที่สนามบิน
💸สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด💸
🪪 Schengen Visa: ประมาณ 4,000
✈️ ตั๋วเครื่องบิน: ตั๋วไป-กลับ บินกับ Emirates เปลี่ยนเครื่องที่ Dubai จองล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน ประมาณ 30,000
🚋 Swiss Travel Pass: อันนี้ต้องมีเลย เที่ยวสวิสครั้งแรกหรือไม่มีแพลนแน่นอน สามารถขึ้นแทรม บัส รถไฟ เรือ ได้แบบบุฟเฟต์ และดูเส้นทางได้ในแอป SBB แบบง่ายสุด เราซื้อแบบแพคเกจ 10 วัน ประมาณ 15,000
🏨 ที่พัก: เราไปกัน 2 คน หารกันตกคนละประมาณ 16,000 โดยเราจะเลือกที่พักราคาประมาณ 3 พันปลาย ไปจนถึง 4 พันปลาย
🍔 ค่ากิน: เราเอาของกินไปเองเช่น มาม่า ข้าว น้ำพริก ขาดไม่ได้หอยลายกระป๋อง และส่วนใหญ่จะซื้อของกินใน Coop ซึ่งค่ากินในการเข้าร้านอาหารกับ Coop ตกคนละประมาณ 5,000
จะมีค่าฝากกระเป๋าเพิ่มเข้ามา รวมๆ แล้วประมาณ ตกคนละ 1800
ค่าใช้จ่ายไม่รวมช้อปปิ้ง รวมแล้วประมาณ 71,800 ค่า
✅สิ่งที่ชอบ – เมืองสวย ธรรมชาติจึ้ง อากาศดีแบบ 10 10 10 การเดินทางสะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ถึงน้ำจะแพงแต่น้ำก็อกกินได้
❌สิ่งที่ไม่ชอบ – คนสูบบุหรี่ทุกที่ ตามสถานีเหม็นบุหรี่มาก อาหารแพงไม่ไหว
#เที่ยวไหนดี #เที่ยวต่างประเทศ #เที่ยวธรรมชาติ